สอบสัมภาษณ์เข้ามหาลัย ต้องเตรียมอะไรบ้าง พร้อม 10 คำถามยอดฮิตที่เจอบ่อย
ก้าวแรกสู่มหาวิทยาลัยในฝันของน้อง ๆ ใกล้เข้ามาแล้ว! การสอบสัมภาษณ์ด่านนี้ที่ใครต้องเจอ เพื่อให้ได้เข้าศึกษาต่อในคณะที่ใฝ่ฝัน แต่จะทำอย่างไรให้น้อง ๆ สร้างความประทับใจให้กับคณะกรรมการ และคว้าโอกาสนี้ไว้ได้? ในบทความนี้ SBU Blog จะพาน้อง ๆ ไปเจาะลึกทุกสิ่งที่ควรรู้ก่อนสอบสัมภาษณ์เข้ามหาลัย ตั้งแต่การเตรียมตัวเบื้องต้น ไปจนถึงเทคนิคการตอบคําถามสอบสัมภาษณ์ยอดฮิตที่รับรองว่าจะทำให้น้อง ๆ มั่นใจและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกสถานการณ์
การสอบสัมภาษณ์เข้ามหาลัย คืออะไร?

การสอบสัมภาษณ์เข้ามหาวิทยาลัย คือ ขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการคัดเลือกผู้สมัครเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการสอบข้อเขียน โดยเป็นโอกาสที่คณะกรรมการหรืออาจารย์ผู้สัมภาษณ์จะได้ประเมินตัวตนและความสามารถของผู้สมัครในมิติต่าง ๆ ที่ไม่สามารถวัดจากคะแนนการสอบได้ เช่น ทักษะการสื่อสาร การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจ รวมถึงทัศนคติและบุคลิกภาพที่เหมาะสมกับการเรียนในสาขาวิชานั้น ๆ
มหาวิทยาลัยจะถามอะไรบ้าง?
- ข้อมูลส่วนตัว เช่น “เล่าเกี่ยวกับตัวคุณหน่อย”
- เป้าหมายและความสนใจ เช่น “คุณคิดว่าอนาคตของคุณในสายนี้จะเป็นอย่างไร?” หรือ “คุณมีความคาดหวังอย่างไรจากการเรียนที่นี่?”
- ทักษะและประสบการณ์ เช่น “มีประสบการณ์อะไรที่คุณคิดว่าจะช่วยให้คุณเรียนได้ดีในสาขานี้?” หรือ “บอกเราเกี่ยวกับโปรเจกต์/งานที่คุณเคยทำ”
- ทัศนคติและทักษะการแก้ปัญหา เช่น “ถ้าคุณเจอสถานการณ์ที่ท้าทายในการเรียน คุณจะจัดการอย่างไร?”
- คำถามเชิงลึกเกี่ยวกับการสอบ/ผลการเรียน เช่น “เหตุผลที่อยากเข้าคณะนี้? คุณมีการเตรียมตัวอย่างไร?”
รวมสิ่งที่ควรทำ เมื่อไปสอบสัมภาษณ์เข้ามหาลัยฯ ต้องเตรียมอะไรบ้าง?

1. เตรียมตัวให้พร้อม
- เช็กรายละเอียดของวันสอบสัมภาษณ์ สถานที่ และเวลา: ตรวจสอบวัน เวลา สถานที่สอบให้ถูกต้องชัดเจน รวมถึงห้องสอบที่ต้องไป อาจจะถ่ายรูปแผนที่ หรือบันทึกไว้ใน GPS เพื่อป้องกันการหลงทาง
- เตรียมตัวเรื่องการเดินทาง: วางแผนเส้นทางไปยังสถานที่สอบล่วงหน้า พิจารณาเวลาที่ใช้ในการเดินทาง รวมถึงเผื่อเวลาสำหรับการจราจรติดขัด หากใช้รถสาธารณะควรศึกษาเส้นทางและป้ายรถเมล์ให้ดี
- เตรียมเอกสารที่จำเป็นให้พร้อม: ตรวจสอบเอกสารที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดให้ครบถ้วน เช่น บัตรประชาชน Portfolio และเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ควรจัดเรียงเอกสารให้เป็นระเบียบและใส่ไว้ในแฟ้มเพื่อความสะดวก
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยและสาขาที่สมัคร: ควรทราบข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย เช่น หลักสูตรที่เปิดสอน การเรียนการสอน และสาขาวิชาที่สมัครเข้าไป พร้อมทั้งเตรียมคำถามที่อยากถามคณะกรรมการเกี่ยวกับหลักสูตรหรือวิธีการเรียนการสอน
- คิดบทแนะนำตัว: ก่อนจะเข้าคำถามอื่น ๆ แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องเจอก่อนคือการแนะนำตัว ทริคคือให้คิดบทวิธีแนะนําตัวเองให้น่าสนใจมาล่วงหน้า ก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์ของมหาลัย
- ฝึกตอบคำถามที่คาดว่าจะเจอ: ลองเตรียมตัวตอบคำถามทั่วไปที่อาจจะถูกถาม เช่น “ทำไมถึงเลือกสาขานี้?” หรือ “คุณคิดว่าอนาคตของคุณในสายนี้จะเป็นอย่างไร?” การฝึกตอบคำถามจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการสัมภาษณ์จริง
2. แต่งตัวให้สุภาพและเหมาะสม
การแต่งตัวเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างความประทับใจแรกเริ่ม ควรเลือกเสื้อผ้าที่สะอาด เรียบร้อย และเหมาะสมกับสถานการณ์ เช่น เสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็คสำหรับผู้ชาย หรือกระโปรง/กางเกงเรียบร้อยและเสื้อเชิ้ตสำหรับผู้หญิง สวมรองเท้าที่ดูดีและสะอาด เพื่อแสดงถึงความเคารพต่อการสัมภาษณ์
3. มาถึงสถานที่สัมภาษณ์ก่อนเวลา
การมาถึงก่อนเวลาจะช่วยให้คุณมีเวลาเตรียมตัวและไม่รู้สึกรีบร้อนหรือตื่นเต้นเกินไป ควรมาถึงก่อนเวลาสัก 15-30 นาที เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหากับการเดินทางหรือการหาที่จอดรถ
4. ฟังคำถามอย่างตั้งใจและตอบให้สร้างสรรค์
ก้าวเข้าสู่ห้องสัมภาษณ์ด้วยความมั่นใจ เริ่มต้นด้วยการทักทายคณะกรรมการอย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตร ฟังคำถามอย่างตั้งใจและตอบอย่างชัดเจน แสดงความเป็นตัวของตัวเองโดยเน้นความตั้งใจจริงและความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ รักษามารยาทและท่าทางที่ดี เช่น นั่งหลังตรง สบตา และหลีกเลี่ยงท่าทางที่ไม่สุภาพ เมื่อเจอคำถามที่ท้าทาย ให้ตอบอย่างสร้างสรรค์โดยเน้นบทเรียนที่ได้เรียนรู้และการพัฒนาตนเอง
5. ถามคำถามที่แสดงถึงความสนใจ
หากคณะกรรมการเปิดโอกาสให้ถาม เช่น มีอะไรจะถามอาจารย์ไหม? ห้ามตอบว่า ไม่มีครับ/ค่ะ แต่ให้เตรียมคำถามที่แสดงถึงความสนใจจริง ๆ ในหลักสูตรหรือการเรียนการสอน เช่น “มีโครงการวิจัยที่น่าสนใจที่นักศึกษาสามารถเข้าร่วมได้ไหม?” เพื่อแสดงถึงความสนใจในการพัฒนาทักษะการวิจัยและการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
10 ตัวอย่างคําถามสอบสัมภาษณ์เข้ามหาลัยฯ ที่เจอบ่อย
1. เหตุผลที่อยากเข้าคณะนี้?
- คำตอบที่ดี:
“ผม/ฉันเลือกเรียนคณะนี้เพราะมีความสนใจใน [อธิบายเหตุผลที่สนใจในสาขานั้น ๆ] เช่น ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ยานยนต์ ผม/ฉันชอบการแก้ปัญหาทางเทคนิคและอยากมีส่วนร่วมในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้ชีวิตประจำวันของผู้คนดีขึ้น นอกจากนี้ สาขานี้ยังมีโอกาสในสายงานที่สอดคล้องกับความฝันของผม/ฉันด้วย”
- คำตอบที่ไม่ดี:
“ก็เลือกเพราะไม่รู้จะเลือกอะไรดี เลยเลือกไปตามคำแนะนำของพ่อแม่”
2. คุณคิดว่าอนาคตของคุณในสาขานี้จะเป็นอย่างไร?
- คำตอบที่ดี:
“ผม/ฉันเห็นว่าในอนาคตสาขานี้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เช่น หากพูดถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วอย่าง AI และ Big Data ผม/ฉันหวังว่าจะสามารถใช้ความรู้ในสาขานี้เพื่อพัฒนาโปรแกรมที่มีประโยชน์ในการแก้ปัญหาทางสังคม เช่น การให้การศึกษาแก่ผู้ที่เข้าถึงเทคโนโลยีได้ยาก”
- คำตอบที่ไม่ดี:
“ไม่รู้เหมือนกันครับ/ค่ะ ขอแค่เรียนจบไปก็พอแล้ว”
3. คุณมีความสนใจหรือทักษะอะไรที่นอกเหนือจากการเรียน?
- คำตอบที่ดี:
“นอกเหนือจากการเรียน ผม/ฉันสนใจในการทำกิจกรรมอาสาสมัคร ซึ่งช่วยพัฒนาทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่น และการแก้ปัญหาในสถานการณ์ที่มีความท้าทาย เช่น การช่วยสอนเด็กในชุมชนที่ขาดแคลน นอกจากนี้ ผม/ฉันยังชอบเล่นกีฬา เช่น ฟุตบอล ซึ่งช่วยให้ผม/ฉันรู้จักการทำงานเป็นทีมและเพิ่มความสามารถในการสื่อสาร”
- คำตอบที่ไม่ดี:
“ผม/ฉันไม่มีอะไรพิเศษนอกจากเรียนเลยครับ/ค่ะ”
4. ทำไมถึงอยากเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้?
- คำตอบที่ดี:
“ผม/ฉันเลือกมหาวิทยาลัยนี้เพราะมีหลักสูตรที่เข้มข้นและตอบโจทย์เป้าหมายในอนาคตของผม/ฉัน อีกทั้งมีโอกาสในการฝึกงานกับบริษัทชั้นนำในสาขา [สาขาที่สมัคร] ซึ่งจะช่วยเสริมทักษะการทำงานและเปิดโอกาสในการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ”
- คำตอบที่ไม่ดี:
“ก็เลือกเพราะมันอยู่ใกล้บ้านครับ/ค่ะ”
5. ถ้าไม่ได้ถูกคัดเลือกในรอบนี้ คิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป?
- คำตอบที่ดี:
“ถ้าผม/ฉันไม่ได้ถูกคัดเลือกในรอบนี้ ผม/ฉันจะไม่ย่อท้อครับ/ค่ะ ผม/ฉันจะใช้โอกาสนี้ในการทบทวนและพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสริมทักษะเพิ่มเติมหรือการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่สามารถช่วยพัฒนาความสามารถของตัวเอง ผม/ฉันจะมองหาทางเลือกอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์และพัฒนาทักษะให้พร้อมสำหรับการสมัครในรอบถัดไป หรือจะพิจารณาศึกษาต่อในสาขาที่เกี่ยวข้องในมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เพื่อเรียนรู้และเติบโต”
- คำตอบที่ไม่ดี:
“ถ้าไม่ได้คัดเลือกในรอบนี้ ผม/ฉันคงจะผิดหวังมาก และอาจจะหยุดคิดเรื่องมหาวิทยาลัยไปเลย เพราะคิดว่าคงไม่สามารถเข้าได้ในครั้งหน้า”
6. คุณคิดว่าอะไรคือจุดแข็งของตัวเอง?
- คำตอบที่ดี:
“จุดแข็งของผม/ฉันคือการทำงานเป็นทีมและความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ผม/ฉันเคยทำโปรเจกต์กลุ่มที่มีทั้งความท้าทายและปัญหาต่าง ๆ แต่สามารถร่วมมือกับเพื่อน ๆ จนได้ผลลัพธ์ที่ดี”
- คำตอบที่ไม่ดี:
“ผม/ฉันเก่งทุกอย่างครับ/ค่ะ ไม่มีจุดอ่อน”
7. คุณเคยทำกิจกรรมอาสาสมัครไหม? และมันช่วยพัฒนาอะไรในตัวคุณ?
- คำตอบที่ดี:
“ใช่ครับ/ค่ะ ผม/ฉันเคยทำกิจกรรมอาสาสมัครหลายครั้ง เช่น การสอนการบ้านให้กับเด็กในชุมชนที่ขาดโอกาส หรือการช่วยเหลือจัดงานกิจกรรมเพื่อการกุศล สิ่งที่ผม/ฉันได้รับจากกิจกรรมเหล่านี้คือการพัฒนาทักษะการสื่อสารและการทำงานร่วมกับคนหลากหลายพื้นเพ ช่วยให้ผม/ฉันมีความเข้าใจในความแตกต่างและความต้องการของคนอื่นมากขึ้น” (ควรตอบตามความเป็นจริง)
- คำตอบที่ไม่ดี:
ไม่เคยครับ/ค่ะ เพราะผม/ฉันรักการเรียนอย่างเดียว
8. คุณเคยมีประสบการณ์ที่ท้าทายมาก่อนไหม? และคุณจัดการกับมันอย่างไร?
- คำตอบที่ดี:
“ในช่วงม.ปลาย ผม/ฉันรับผิดชอบโปรเจกต์ใหญ่ที่ต้องวางแผนและประสานงานกับทีม ซึ่งมีอุปสรรคทั้งการสื่อสารผิดพลาดและเวลาจำกัด ผม/ฉันจัดการโดยการเปิดใจฟังความคิดเห็นของทุกคนและมอบหมายงานตามความถนัดของแต่ละคน พร้อมการสื่อสารที่ชัดเจน ทำให้ทีมสามารถทำโปรเจกต์เสร็จทันเวลาและได้ผลลัพธ์ที่ดี”
- คำตอบที่ไม่ดี:
“เคยครับ/ค่ะ ตอนที่ทำโปรเจกต์ในโรงเรียนแต่มีเพื่อนร่วมทีมที่ไม่ทำงานตามกำหนด ผม/ฉันก็ค่อนข้างเครียด เพราะงานไม่ได้คืบหน้า แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างจริงจัง สุดท้ายก็แค่รอให้เพื่อนมาช่วยจนงานเสร็จ”
9. ถ้าคุณได้รับโอกาสเลือกเรียนสาขาอื่น คุณจะเลือกอะไร?
- คำตอบที่ดี:
“ถ้าผม/ฉันได้เลือกเรียนสาขาอื่น ผม/ฉันอาจเลือกเรียนโลจิสติกส์ เพราะสาขานี้มีบทบาทสำคัญในการจัดการขนส่งและซัพพลายเชน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งในประเทศและระดับโลก นอกจากนี้ยังมีโอกาสในตลาดแรงงานที่เติบโตสูง และช่วยพัฒนาทักษะการบริหารจัดการที่สามารถนำไปใช้ได้ในหลายอุตสาหกรรม”
- คำตอบที่ไม่ดี:
“ถ้าผม/ฉันได้เลือกสาขาอื่น ผม/ฉันคงเลือกเรียนวิศวกรรม เพราะมันดูน่าสนใจและมีโอกาสหางานได้ง่ายกว่า”
10. คุณรู้จักเกี่ยวกับคณะหรือหลักสูตรที่คุณสมัครอย่างไรบ้าง?
- คำตอบที่ดี:
“ผม/ฉันได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคณะนี้จากเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย และได้พูดคุยกับรุ่นพี่ที่เรียนอยู่ ซึ่งทำให้ทราบถึงเนื้อหาวิชาและโอกาสในการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่จะได้รับ”
- คำตอบที่ไม่ดี:
“ก็แค่เลือกมาครับ/ค่ะ ไม่ได้ศึกษาข้อมูลอะไรมาก”
สอบสัมภาษณ์เข้ามหาลัย เตรียมตัวดี ๆ ไม่ต้องสอบข้อเขียน สมัครที่ SBU ได้เลย
เห็นกันแล้วว่าการเตรียมตัวสำหรับการสอบสัมภาษณ์นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง น้อง ๆ ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคณะที่สมัคร ฝึกตอบคำถามที่คาดว่าจะเจอ และเตรียมเอกสารให้พร้อม นอกจากนี้ การมีทัศนคติที่ดี มั่นใจในตัวเอง และแสดงออกถึงความสนใจในคณะที่สมัคร ก็จะช่วยให้น้อง ๆ ประสบความสำเร็จในการสอบสัมภาษณ์ได้มากยิ่งขึ้น แต่น้อง ๆ คนไหนอยากได้ที่เรียนมหาวิทยาลัย แบบไม่ต้องสอบข้อเขียน ที่ SBU สามารถสมัครเพื่อสอบสัมภาษณ์โดยตรงได้เลย! ไม่ต้องรอข้อสอบข้อเขียน ก็สามารถก้าวสู่เส้นทางการศึกษาที่รวดเร็วและสะดวกสบายได้ทันที โอกาสทองแบบนี้ต้องรีบคว้าไว้แล้ว! แต่ก่อนสอบสัมภาษณ์เข้ามหาลัยที่นี่ก็ต้องทำการบ้านนิดนึง หาความรู้เกี่ยวกับคณะและสาขาที่สนใจเพิ่มเติม เพื่อพิชิตใจกรรมการได้อย่างอยู่หมัด!
